Skip to content

ประเภทของ ETF แบ่งตาม Commodity

การแบ่งประเภทของ Commodity ETF ตามประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) จะแบ่งตามสินทรัพย์หลัก ๆ ที่ลงทุน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เฉพาะกลุ่มหรือสินค้าหลักตามความสนใจและกลยุทธ์การลงทุนของตน โดยรายละเอียดมีดังนี้:

1. Brent Oil ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในน้ำมันดิบ Brent ซึ่งเป็นราคามาตรฐานน้ำมันดิบของยุโรปและตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก
  • คุณสมบัติ: ราคาน้ำมัน Brent อาจผันผวนจากความต้องการและนโยบายของกลุ่มผู้ผลิต เช่น OPEC

2. Broad Agriculture ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในสินค้าเกษตรหลากหลายประเภท เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่น ๆ
  • คุณสมบัติ: เหมาะสำหรับการกระจายการลงทุนในสินค้าเกษตรหลากหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง

3. Broad Diversified ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท เช่น เกษตร โลหะมีค่า และพลังงาน
  • คุณสมบัติ: ช่วยกระจายความเสี่ยงในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าชนิดเดียว

4. Broad Energy ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในพลังงานหลายประเภท เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเบนซิน
  • คุณสมบัติ: มีความผันผวนตามราคาพลังงานในตลาดโลก เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเน้นการลงทุนในพลังงาน

5. Broad Industrial Metals ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในโลหะอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ทองแดง เหล็ก อะลูมิเนียม
  • คุณสมบัติ: มูลค่าของ ETF ขึ้นอยู่กับความต้องการในภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิตและการก่อสร้าง

6. Broad Precious Metals ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในโลหะมีค่า เช่น ทองคำ แพลทินัม และเงิน
  • คุณสมบัติ: เป็นแหล่งสะสมมูลค่าและมักใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน

7. Carbon Allowances ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในสิทธิ์การปล่อยก๊าซคาร์บอน (Carbon Credits) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ซื้อขายเพื่อควบคุมปริมาณการปล่อยคาร์บอน
  • คุณสมบัติ: เหมาะสำหรับการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตามนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

8. Copper ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในทองแดง ซึ่งเป็นโลหะอุตสาหกรรมสำคัญที่ใช้ในงานก่อสร้างและอิเล็กทรอนิกส์
  • คุณสมบัติ: ราคาทองแดงอาจผันผวนตามการเติบโตของภาคการผลิตและการก่อสร้าง

9. Corn ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในข้าวโพด ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญและเป็นแหล่งอาหารที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาลเก็บเกี่ยว ความต้องการและผลผลิตทางการเกษตร

10. Crude Oil ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในน้ำมันดิบ (Crude Oil) ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง
  • คุณสมบัติ: มีความผันผวนสูงตามความต้องการน้ำมันในตลาดโลก

11. Gasoline ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในน้ำมันเบนซินที่ใช้สำหรับขนส่งและยานพาหนะ
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการในภาคขนส่งและราคาน้ำมันดิบ

12. Gold ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นิยมถือครองในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน
  • คุณสมบัติ: ใช้เป็นแหล่งสะสมมูลค่าและป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

13. Natural Gas ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตไฟฟ้า
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นกับความต้องการพลังงานและสภาพอากาศ เช่น ความต้องการพลังงานในช่วงฤดูหนาว

14. Palladium ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในแพลเลเดียม ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการผลิตเครื่องกรองไอเสีย (Catalytic Converters)
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์

15. Platinum ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในแพลทินัม ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตอัญมณี
  • คุณสมบัติ: มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการในหลายอุตสาหกรรม ราคาขึ้นกับการผลิตและอุปสงค์ในอุตสาหกรรม

16. Silver ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในเงิน ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมและเป็นแหล่งสะสมมูลค่า
  • คุณสมบัติ: มีมูลค่าและความต้องการสูงในอุตสาหกรรมการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์

17. Soybeans ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในถั่วเหลือง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร
  • คุณสมบัติ: ราคาผันผวนตามผลผลิตและอุปสงค์ในการผลิตอาหาร

18. Sugar ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในน้ำตาล ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นกับผลผลิตจากภาคเกษตรและความต้องการบริโภคน้ำตาล

19. Wheat ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในข้าวสาลี ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้เป็นอาหารหลักและวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร
  • คุณสมบัติ: ราคาขึ้นอยู่กับผลผลิตทางการเกษตรและอุปสงค์ในการผลิตอาหาร

สรุป

การเลือก Commodity ETF ตามประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ช่วยให้นักลงทุนสามารถเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เฉพาะด้านที่สนใจและตรงกับกลยุทธ์การลงทุน ทั้งนี้ นักลงทุนควรศึกษาผลกระทบของตลาดโลกและความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนในแต่ละประเภทสินค้า