Active vs Passive Mutual Funds
กองทุนรวมแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักตามกลยุทธ์การบริหารจัดการ: กองทุนเชิงรุก (Active Fund) และ กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ทั้งสองมีลักษณะและข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้:
กองทุนเชิงรุก (Active Fund)
ลักษณะเด่น:
- มีผู้จัดการกองทุนที่คัดเลือกและปรับพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีอ้างอิง (Benchmark)
ข้อดี:
- มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาด หากผู้จัดการกองทุนมีความสามารถในการเลือกสินทรัพย์ที่ดี
- สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้
ข้อเสีย:
- มีค่าธรรมเนียมการจัดการสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรในการวิเคราะห์และบริหารพอร์ต
- ผลการดำเนินงานขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้จัดการกองทุน ซึ่งอาจไม่สม่ำเสมอ
กองทุนเชิงรับ (Passive Fund)
ลักษณะเด่น:
- ลงทุนตามดัชนีอ้างอิง เช่น SET50 หรือ S&P 500 โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีนั้น ๆ
ข้อดี:
- มีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำ เนื่องจากไม่ต้องวิเคราะห์หรือคัดเลือกสินทรัพย์อย่างละเอียด
- ผลตอบแทนสอดคล้องกับตลาด ทำให้นักลงทุนทราบแนวโน้มการลงทุนได้ชัดเจน
ข้อเสีย:
- ไม่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เนื่องจากลงทุนตามดัชนี
- ขาดความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวะตลาด
การเลือกกองทุนที่เหมาะสม
-
กองทุนเชิงรุก (Active Fund): เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและยอมรับความเสี่ยงได้มาก พร้อมที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเพื่อโอกาสในการเอาชนะตลาด
-
กองทุนเชิงรับ (Passive Fund): เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนตามตลาด ค่าธรรมเนียมต่ำ และยอมรับผลตอบแทนที่ไม่สูงเกินไป
การเลือกลงทุนในกองทุนประเภทใดขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุนของแต่ละบุคคล ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน